ความตั้งใจเดิม ไม่ได้คิดจะไปเที่ยว แต่ [1] อยากจะอยู่บ้านจัดการ 5 ส. กับ [2] ให้เวลากับลูกคิด ให้ได้มากที่สุด -- เรื่อง 5 ส. ไม่มีปัญหา เพราะมี ผบ.ทบ. คอยกำกับดูแล ออกคำสั่ง ตามขั้นตอนที่เตรียมไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ส่วนเรื่องลูก...
เมื่อวานจัดการพาลูกคิดไปสมัครเรียนอนุบาลเรียบร้อยโรงเรียนกสิณธร(เซ็นปีเตอร์) -- ลึกๆ แล้ว ความรู้สึกต่อต้านระบบการศึกษาแนวทางทุนนิยม (ผมเรียกเอง) แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ยังคงอยู่กับผมเหมือนเดิม ไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างไร แต่เหตุที่ต้องยอมติดกรอบ เพราะ [1] กลัวว่าอนาคตลูกจะแตกต่าง แปลกแยกจากสังคม ทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้ (ถ้าจำ 'น้องต้นข้าว' จากรายการ 'คนค้นฅน' ได้ ทุกวันนี้ผมยังมีคำถามว่า ถ้าพ่อแม่เขาจากไปก่อนวัยอันควร น้องต้นข้าวจะอยู่ในสังคมได้อย่างไร) และ [2] ตัดความรำคาญ รวมทั้งรักษาภาพลักษณ์ ก็ลองคิดดูว่า ถ้าผมไม่นำลูกเข้ากรอบเข้าระบบ ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา พี่ น้อง และเพื่อนๆ คงจะวิพากย์วิจารณ์ ด่าทอต่อว่าผมและภรรยา อย่างไม่จบไม่สิ้น ที่สำคัญภาพลักษณ์ของความเป็นพ่อแม่ที่ "รักลูกมากที่สุด" จะกลายเป็น "ไม่รักลูกมากที่สุด" ไปซะฉิบ -- ผมแคร์สังคมมากกว่าอุดมการณ์ของตัวเอง?
ตอนเช้า ก่อนออกจากบ้าน ผมตีลูกอย่างแรง ด้วยความโมโหที่สอนแล้วเขาไม่จำว่า มือเปื้อน อย่าเช็ดกับเสื้อผ้า ลูกคิดทำนมหกใส่มือ แล้วทันใดก็เช็ดแขนเสื้อทันควัน ผมก็ไวไม่แพ้กัน ตีลงไปที่มือทันที ลูกคิดร้องไห้ น้ำตาไหลพราก "หนูขอโทษค่ะพ่อ" -- เสียงร้องเจือปนคำขอโทษของลูก ทำให้ผมรู้สึกผิดมหันต์ "นี่เราไม่รักลูกเหรอ เฝ้าระวังทุกฝีก้าว แต่กลับทำลูกเจ็บตัวซะเอง" มิหนำซ้ำ ทุกครั้งหลังจากถูกพ่อหรือแม่ตี ผมไม่เคยรู้สึกว่า ลูกคิดรักพ่อ รักแม่น้อยลงเลยซักนิดเดียว -- พ่อขอโทษ พ่อสัญญาว่า ต่อไปจะมีเหตุผลกับลูกเสมอ

ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายการศึกษา
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงจะอ่านไปแค่เล็กน้อย แต่คิดว่าเป็นแนวทางที่น่าสนใจในอนาคต (แม้ยังสิ้นหวังว่าจะเกิดในประเทศไทยได้ก็ตาม)
การที่เด็กได้เรียน ได้เล่นสนุก อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น รักพวกเขา ในช่วงวัยแรกเกิดจนเติบโตระดับหนึ่ง (อาจจะสัก 10-12 ปี) เพื่อสร้างแรงจูงใจ จากการสอนแบบไม่ได้สอน สอดแทรกประสบการณ์ของพ่อแม่ ทั้งเรื่องดีและร้าย ไม่ปิดกั้น ผมว่าเด็กจะซึมซับ ยอมรับ เรียนรู้ และนำไปต่อยอดได้เอง เพราะเด็กมีพื้นฐานสำคัญ คือ ความเชื่อใจในตัวผู้สอน ซึ่งก็คือพ่อแม่ ที่รักและห่วงใยเขามากที่สุด -- ประเด็นคือ พ่อแม่จะทำได้หรือไม่ (ต้องสอนพ่อแม่ ก่อนจะสอนเด็ก)
"ถ้าไม่มีลูก ผมก็คงเลยป้ายนี้ไปแล้วมั้งครับ เพราะคิดถึงแต่เรื่องตัวเองซะมาก"
เอกสารอ่านต่อ:
- ก้าวแรกสู่บ้านเรียน : หลักคิดและกระบวนการเข้าสู่การศึกษาโดยครอบครัว(HOME SCHOOL)
- Home school โรงเรียนที่บ้านของหนู
- Home School : ทางเลือกของการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- The Ten Things You Need to Know About Home Schooling
No comments:
Post a Comment