Wednesday, April 09, 2008

3 days offline

เฝ้าไข้ลูกคิดที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เล่นเอาสุขภาพแกว่งๆ ไปเหมือนกัน เพราะกินนอนไม่ค่อยเป็นเวลา แต่คงไม่เท่า ความกังวลในอาการป่วยของลูก (กระทั่งวันนี้ กลับมาพักฟื้นที่บ้าน อาการลูกคิดก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้จะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม)

ค่ารักษาพยาบาลที่หมดไป ทำให้ต้องกลับมาคิดว่า การทุ่มเทสุขภาพทำงานอย่างหนักหน่วงนานเป็นปีๆ กับเงินทองที่หาได้มา เพื่อเป็นทุนรอนอนาคตสำหรับครอบครัว ซึ่งเพียงพอแค่ค่าเจ็บไข้ได้ป่วย (นอนโรงพยาบาลเอกชน) ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น มันคุ้มกันรึเปล่า -- สุขภาพ(ใจและกาย) ควรจะเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญอันดับหนึ่ง และแนวทางก็คือ การดูแล ป้องกัน ซึ่งย่อมดีกว่าเยียวยา รักษา

ช่วงนี้งานหลวงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานที่ต้องลงแรงกาย และงานที่ต้องระดมกำลังสมอง งานราษฎร์ก็ยุ่งเหยิง ทั้งการปรับตัวเข้าโรงเรียนของลูก และการบริหารค่าใช้จ่ายในครัวเรือน (ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมคาดหวังให้ ผบ.ทบ. มาช่วยทำแทน แต่ยังไม่สำเร็จซักที) พอมีโอกาสได้นั่งๆ นอนๆ ในช่วงว่างระหว่างที่ลูกนอนหลับ สมองก็คิดๆๆ สรุปได้แค่ว่า

  • จัดลำดับความสำคัญ รายการของงานทั้งหมด ทั้งหลวงทั้งราษฎร์ มีอะไรบ้าง อันไหนต้องทำตอนไหน เวลาไหน อันไหนให้ใครช่วยได้บ้าง
  • บริหารเวลา ทำตารางในการลงมือทำเอง และการติดต่อสื่อสาร(ข้อต่อไป) ทำเป็น checklist ได้ด้วยยิ่งดี
  • การลงมือทำ และการติดต่อสื่อสาร ชี้แจงแถลงไข ว่าตอนนี้เราทำอะไรที่สำคัญกว่าอยู่นะ งานของใครควรรอ งานไหนจะเดินต่อ ใคร(นอกจากเรา)จะช่วยได้

และสุดท้ายที่ต้องทำให้ได้ เมื่อทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก็คือ ทำใจ ยอมรับว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แม้ผลจะไม่เป็นที่น่าพอใจ หลายสิ่งหลายอย่างเราเองก็ควบคุมไม่ได้ ความสำเร็จอยู่ที่ตอนลงมือทำด้วยส่วนหนึ่ง (มากด้วย)

ระหว่างนั่งๆ นอนๆ offline ที่โรงพยาบาล (ตั้ง) 3 วันกว่าๆ ไม่ได้อ่านหนังสือซักเล่ม นอกจากหนังสือพิมพ์ แล้วก็คิดอะไรมาได้แค่นี้เองอะ

ปล. เรื่องวิ่งเพื่อสุขภาพของผมเอง ก็ต้องเริ่มกันใหม่เลย เพราะที่เริ่มไป 3 วัน ยังไม่ทันอยู่ตัว

2 comments:

amphat said...

ขอให้ทั้งคุณลูกและคุณพ่อ ฟื้นตัวไวๆ คะ

Anonymous said...

ขอบคุณครับ