Sunday, September 28, 2008

In the Valley of Elah

ตามดู In the Valley of Elah ผลงานของ Charlize Theron หลังจากที่เห็นเธอใน Hancock เมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้วชอบ (แต่ตอนที่ดู Æon Flux เมื่อซัก 2-3 ปีก่อน กลับไม่รู้สึกสะดุด) ตอนนี้เลยอยากหา Monster มาดูอีกเรื่องแล้วอะ

การเดินเรื่องหลักของ In the Valley of Elah นั้น เดาไม่ยาก การปิดบังความจริงของกองทัพอเมริกา และการสีบหาความจริง ถึงสาเหตุการตายของลูกชาย ซึ่งเป็นทหารผ่านศีก ที่เพิ่งกลับจากสงครามอิรัก ของ Hank Deerfield (ผมชอบบทบาทการแสดงของ Tommy Lee Jones มากที่สุด) แต่มีอะไรน่าสนใจมากมาย ที่นำเสนอในแต่ละฉาก ผ่านอารมณ์ของนักแสดง ทั้งจากคำพูดและสีหน้า นับเป็นหนังแนะนำสำหรับคอดราม่าเรื่องหนึ่งเลยละครับ

หนังแบบนี้ ไม่ว่าจะมีเค้าความจริงมากหรือน้อยแค่ไหน สงสัยว่าถ้าเป็นในประเทศไทยเรา คงจะไม่ได้ออกฉายแหงๆ

หลังจากดูจบแล้ว ก็อ่านบทวิจารณ์หนังสุดลึกซึ้งเพิ่มเติมจาก blog Cinemania ยิ่งได้อรรถรส และให้แต้มบวกกับ In the Valley of Elah มากขึ้นไปอีก ...สมควรหามาดูอย่างยิ่ง


ภาพประกอบ: Wikipedia

Monday, September 22, 2008

ลูกคือกระจกเงา

โดยปกติแล้ว ผมเป็นคนที่ส่องกระจกดูเงาของตัวเองน้อยมาก (ยิ่งตักน้ำใส่กระโหลก ยิ่งไม่เคยทำเลยอะ) แต่งตัวออกจากบ้านไปทำงานทุกวันๆ ก็ไม่ค่อย เป็นซะงั้น -- ช่วงนี้ย่างเข้าวัยชรา ยิ่งแล้วใหญ่ ร่องรอยบนใบหน้านั้นจะว่าไป ผมก็รับได้นะ มันเป็นสัจธรรม แต่ไม่เห็นจะรู้สึกดีกว่า .. อิอิ

อารมณ์หลัก บรรยากาศรวมของที่บ้านช่วงนี้ คือ เห็นลูกก็เหมือนเห็นเงาตัวเอง ทุกอารมณ์ ทุกการแสดงออกของลูก บ่งบอกภาวะทางอารมณ์ของพ่อแม่ได้ชัดเจนมากที่สุด อย่างที่ใครๆ (ไม่รู้เหมือนกันว่าใครๆ คือใคร) บอกไว้ว่า ลูกคือกระจกเงาของพ่อแม่ สำหรับผมแล้วมันจริงที่สุดเลยทีเดียว ... โดยเฉพาะช่วงที่ลูกคิดยังเล็กอยู่อย่าง 3 ขวบกว่านี้ละ

หากนำดอกไม้ใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนที่จิตใจดีงาม

หากนำเอาความรักใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนที่เปี่ยมด้วยเมตตา

หากนำเหตุผลใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์

หากนำหนังสือใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นปัญญาชน

หากนำนิสัยแห่งการให้ใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนที่มีจิตสำนึกแห่งสาธารณะ

หากนำธรรมะใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนดี

หากนำสมบัติผู้ดีใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็น สุภาพชน

หากนำดนตรีใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนอารมณ์ดี

หากนำธรรมชาติใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนสงบสุข

หากนำความก้าวร้าวใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นอันธพาล

หากนำความตามใจใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นจอมบงการ

หากนำเงินใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนมักง่าย

หากนำปืนใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นฆาตรกร

หากนำวัตถุแพงๆใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนบ้าวัตถุ

หากนำความรักสบายใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนหยิบโหย่งอ่อนแอ

หากนำความไม่รับผิดชอบใส่มือเด็ก เขจะกลายเป็นคนที่เสญเสียสามัญสำนึก

หากนำความริษยาใส่มือเด็ก เขาจะเป็นคนที่ขาดความสุขของชีวิต

หากนำแต่วิชาชีพใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนสมองโตแต่ใจตีบ

คุณเอง...ในฐานะเป็นพ่อแม่ วันนี้คุณเอาอะไรใส่มือเด็กๆของคุณ

ข้อความข้างบนนี้คัดลอกมาจาก คุณแม่มือใหม่ เจ้าปัญหา

Wednesday, September 17, 2008

มงคลวัตถุ

เห็นหลายคน อยากได้อยากมี พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ หรือวัตถุมงคล เครื่องลางของขลังต่างๆ นานาไว้ในครอบครอง เพราะเชื่อว่าการมี การได้ครอบครองสิ่งของศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไว้กับตัวเองนั้น จะช่วยให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทรัพย์ มีคนรักนับหน้าถือตา แคล้วคลาดภยันอันตรายทั้งปวง -- จากประสบการณ์ เห็นหลายท่านที่เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่คงมิใช่เป็นผลที่เกิดจากการมีการครอบครอง เพียงอย่างเดียวละมั้ง

และเห็นอีกมากมายหลายคน วิ่งเต้นเสาะหาเสียเหลือเกิน เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุมงคล ครั้นได้มาแล้ว หลายชิ้น หลายขนาน หลายสรรพคุณ ครบถ้วน แต่ทำไมชีวิตมันก็ยังทุกข์ ไม่มีความสุขอยู่ดี ยังต้องวิ่งเต้นเสาะหากันต่อไป เติมสุขไม่เต็มชีวิตเสียที ถึงแม้ว่าบางคน จะมีทรัพย์สมบัติมากมายล้นฟ้า แต่ก็หาได้มีความสุขกับความร่ำรวยนั้นไม่

ความสุขที่แท้ คือการไม่ทุกข์ ไม่ทุกข์ คือว่าง คือไม่มี คือไม่ยึด ... ตราบใดที่ยัง "ตัวกูของกู" อยู่ ตราบนั้นชีวิตก็จะยังคงเวียนว่ายในวังวนของทุกข์อยู่ร่ำไป แน่นอนว่าสำหรับปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปอย่างเราๆ การจะปล่อยวางให้ได้หมด คงเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับคนที่มีความตั้งใจจริง ตื่นรู้ ตระหนักรู้ เมื่อใดที่ใจเกิดทุกข์ ก็รู้ตัวเองได้ว่าเป็นเพราะอะไร นั่นละจะทำให้ทุกข์เบาบางลง

ปุจฉาไว้ เผื่อจะมีใครมาวิสัชนาผมบ้างว่า "คนเราถ้าช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ค่อยได้เข้าวัด ทำบุญ ใส่บาตร แล้วรู้สึกร้อนรน เป็นทุกข์ อย่างกับตัวเองเป็นคนบาป เป็นเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ ทั้งๆ ที่การใช้ชีวิตประจำวัน ก็มิได้ทำผิด คิดร้าย หรือเบียดเบียนใครเลย"

บล็อกนี้เขียนเพราะใจวูบ (จึงเขียนสั้นๆ ไว้เตือนตัวเอง) ก่อนจบ ขออนุญาตกลับมาทิ้งท้ายเรื่องวัตถุมงคลว่า ผมไม่เคยคิดบังอาจไปวิพากย์วิจารณ์เรื่องวัตถุมงคล เพราะเชื่อมั่นว่า สิ่งเหล่านี้เกิดจากเจตนาดีประสงค์ดีแน่ๆ แต่อยากถามแค่ใครบางคน ซึ่งยังพยายามไขว่คว้าหาสุขในชีวิตจากสิ่งเหล่านี้ว่า ... "มงคลชีวิตของท่านอยู่ที่วัตถุจริงๆ อย่างนั้นหรือ"

Sunday, September 14, 2008

The Saturday Movies

เป็นสุดสัปดาห์แรก ซึ่งวันเสาร์ได้พักผ่อนเต็มๆ จากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หยุดแต่ไม่ได้พัก วุ่นวายกับธุระในบ้าน นอกบ้าน ลูกป่วย หวยออก (ไม่เกี่ยวแฮะ) ก็เลยได้มีโอกาส ขุดหนังในกรุออกมาชมกันบางเรื่อง

  • Iron Man รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็ก แม้วัยนี้ของผมจะไม่อินกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่เท่าไหร่นัก แต่ก็ดูจนจบ ซึ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะดูหนังเรื่องไหนก็ตาม ที่สร้างจากหนังสือ ยังไง้ยังไง! ก็ไม่สนุกครบรส เท่ากับการอ่าน (โชคดีว่าผมไม่เคยอ่านการ์ตูน Iron Man)
  • Hancock ความเหงามักจะฝังลึกอยู่กับคนเราทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ซุปเปอร์ฮีโร่ ข้ออ้างของการดื่ม ซึ่งผมไม่เคยบอกใคร ก็คือเหงานี่ละครับ (John Hancock ก็น่าจะคล้ายๆ กัน) -- ทุกชีวิตมักจะมีช่วงเวลาหนึ่ง (แม้ไม่นาน) ให้ได้พบกับเพื่อนที่ดีและจริงใจ อย่างน้อยซักคนละนะ ผมเชื่ออย่างนั้น
  • The Godfather Part II กำลังอ่านหนังสือแปลเรื่องนี้อยู่ ยังไม่จบ (อย่างที่บอกว่าอ่านหนังสือนั้น ครบรสครบรายละเอียดกว่าดูหนังเยอะ) แต่ที่หาหนังมาดูก็เพื่อสร้างแรงจูงใจให้อ่านหนังสือจนจบนั่นแหละ (เล่มเขื่องมาก)
  • The Mummy - Tomb of The Dragon Emperor โดยรวมแล้ว ค่อนข้างเฉยๆ อารมณ์คล้ายๆ กับดูเรื่อง 10,000 BC ที่เน้นดูแต่ effect (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นนักกับหนังสมัยนี้) ชอบภาคแรกมากที่สุด และชอบภาคสองมากกว่า

วันหยุดดูหนังดูละคร แล้วนอนหลับพักผ่อน ก่อนตื่นขึ้นมาเขียนบล็อก ความสุขของชนชั้นกลางครับ

Saturday, September 13, 2008

ฟังความสามข้าง

เมื่อเย็นวานนี้ ระหว่างทางผ่านกลับบ้านจากที่ทำงาน ผมต้องแวะซื้อนมกล่องให้ลูก ที่ห้างสรรพสินค้าซุปเปอร์สโตร์แห่งหนึ่ง ระหว่างเลือกซื้อของอยู่นั้น บังเอิญเห็นและได้ยินเสียง เด็กผู้ชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 4-5 ขวบ ร้องไห้เสียงดัง อยู่ในรถเข็น มือซ้ายกุมมือขวา บ่น "เจ็บๆๆ" ไม่ยอมหยุด

ยาย: โอ๋ๆ เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บเยอะเลยเหรอ มือแดงเชียว
เด็กชาย: ก็มันเจ็บอะครับ... ฮือๆๆๆ (น้ำตาไหลพราก)
ยาย: (หันกลับมาว่าลูกสาว) ทำไมตีลูกซะแรงนะ ดูซิมือแดงแจ๋เชียวนั่นน่ะ
แม่: (ซึ่งกำลังอุ้มน้องตัวเล็กอยู่) ตีแรงที่ไหน ดูมืออีกข้างมันสิ ก็แดงอย่างนั้นอยู่แล้วเหมือนกัน
อย่ามาสำออยหน่อยเลย (หันไปว่าลูกชาย)
เด็กชาย: ฮือๆๆๆ ก็เจ็บจริงๆ นะครับ

เหตุการณ์จริงเป็นอย่างไร ผมไม่รู้แน่ชัด และไม่อาจสรุป แม้จะฟังความทั้งสามข้าง (ยาย แม่ และเด็กชาย) แล้วก็ตาม แต่ถ้าคิดแบบตรรก ความเป็นไปได้ น่าจะมีประมาณนี้

  • แม่ตีมือขวาข้างเดียว เบา ลูกชายสำออย ปกติมือแดงอยู่แล้ว
  • แม่ตีมือขวาข้างเดียว แรง ลูกชายเจ็บจริง ปกติมือแดงอยู่แล้ว
  • แม่ตีมือทั้งสองข้าง แรง (จนมือแดงทั้งสองข้างเหมือนกัน) ลูกชายเจ็บจริง
  • แม่ตีมือทั้งสองข้าง เบา ลูกชายสำออย ปกติมือแดงอยู่แล้ว

แม้ถ้อยคำที่ออกจากปากของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ฟังแล้วไม่น่าจะมีใครโกหก แต่มันก็ขัดแย้งกันเองอยู่ ถ้าอยากจะสรุป หรือรู้ความจริง ก็คงต้องสืบ สอบ สวน ลงรายละเอียดให้มากกว่านี้ -- ประเด็นคือ อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ ครับ

Friday, September 12, 2008

เพื่อ

เพื่อโลก

เพื่อประเทศชาติ

เพื่อชนเผ่า

เพื่อสังคม

เพื่อท้องถิ่น

เพื่อชุมชน

เพื่อพวกพ้อง

เพื่อวงศ์ตระกูล

เพื่อเครือญาติ

เพื่อพี่น้อง

เพื่อครอบครัว

เพื่อคนที่รัก

เพื่อตนเอง


... ทุกเพื่อนั้นไซร้ เดียวกัน ...

Tuesday, September 09, 2008

ผิด โกง

จำได้ว่า เคยชอบคำตอบตอนหนึ่ง จากบทสัมภาษณ์ของคุณจุลจักร จักรพงษ์ (เล็ก|ฮิวโก้) สมัยเขานำวงสิบล้อขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ยุครัฐบาลทักษิณ ถ้าผมไม่ตกข่าว ดูเหมือนคราวนี้เขาจะไม่ได้ร่วมนะ พยายามค้นหาข้อความดังกล่าวดู ไปเจอที่บล็อกคนชายขอบ (ผลพลอยได้ คือได้เพลงมาฟังด้วย)

ไม่ใช่แค่รัฐบาลอย่างเดียวที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ ควรเป็นพวกเราด้วย ทุกครั้งที่เราจ่ายแป๊ะเจี๊ยะ หรือเอาเงินยัด เรากำลังทำลายความมั่นคงของประเทศ ทุกครั้งที่เราใช้ทางลัดในการไม่ว่าจะเป็นการสอบ หรืออะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นเราต้องเลิกโกง เราด้วยไม่ใช่แค่จะไปว่าเขาฝ่ายเดียวไม่ได้ เราต้องพิจารณาตัวเองด้วย ทำไมเราต้องปล่อยให้ถึงวันนี้ ทำไมต้องถึงขั้นนี้ด้วย

ช่วงนี้อ่านบล็อกและบทความการเมืองมากๆ เล่นเอาเอียน เครียด เกือบอ้วกแตกได้เหมือนกัน แต่อ่านไปอ่านมาเยอะๆ ผมกลับตกผลึกอะไรแทบไม่ได้เลย นอกจากข้อความข้างล่าง เท่านี้เองครับ (จริงๆ คิดมานานแล้ว)

สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าการมีรัฐบาลคอรัปชั่น คือนิสัยและพฤติกรรมโกงๆ ของประชาชนอย่างเราๆ นี่ละ ที่กำลังจะซึมเข้าไปในสายเลือด ทำผิดโดยไม่ได้รู้ว่าผิด หรือถึงรู้ก็ไม่สนใจ ประมาณว่าใครๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น เช่น โหลดบิต เทปผีซีดีเถื่อน ยัดเงินตำรวจ จ่ายแป๊ะเจี๊ยะ และอีกจิปาถะ -- ไม่อยากนึกภาพเลยว่า ในอนาคต ลูกหลานของพวกเราจะเป็นอย่างไร (ก็พ่อแม่ทำให้เห็นเป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่เกิด)

สุดท้ายต้องยอมรับตามตรงว่า ตัวผมเอง ณ วันนี้ ทำได้แค่ลด ละ ยังเลิกไม่หมด แต่ก็พยายามอยู่อย่างต่อเนื่องครับ

Saturday, September 06, 2008

มิตรภาพ

"พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้... เจ้าไฉนไม่เคยให้พี่" -- ก็พี่เล่นแต่ให้ๆๆๆ น้องจะทำอะไรได้ละคะ ก็รับๆๆๆ เพลินเลยสิ

หลายครั้งหลายคราว จากการสังเกตพฤติกรรมของคนใกล้บ้าน ทำให้เวลาว่างๆ ผมชอบมานั่งตรองดูว่า มีใครบ้างนะที่ชีวิตคิดจะเอาเปรียบคนอื่นได้เกือบจะตลอดเวลา ทั้งๆ ที่บางครั้งวัตถุสิ่งของที่ได้มา ต้องแลกด้วยมิตรภาพก็ยอม -- แต่ก็นะ คนที่กมลสันดานเป็นเยี่ยงนั้น คงไม่เห็นคุณค่า หรือแม้แต่จะรู้จักคำว่า "มิตรภาพ" กับเขาหรอกครับ ถึงคอยจ้องแต่จะเอาเปรียบตลอดเวลา

"มีคนแบบไหนที่จะยอมได้ทุกวัน มีใครอีกไหมที่จะยอมได้ทุกที"


รักคือการให้ แต่ต้องเป็นซึ่งกันและกัน ที่สำคัญต้องให้เขา/เธอ เป็นตัวของตัวเอง ...คุณว่าไหม

เพื่อนแท้ ยอมตายแทนเพื่อนได้ ...ไม่จริงหรอก ผมไม่เชื่อว่า จะมีใครตายแทนใครได้

มิตรภาพ หลายครั้งหลายหน ไม่จำเป็นต้องพูด การหยิบยื่นให้กัน ไม่จำเป็นต้องออกจากปาก



เมื่อใด ที่จิตใจรับรู้ได้ถึงมิตรภาพซึ่งใครสักคนหยิบยื่นให้ เมื่อนั้นวัตถุสิ่งของใดๆ ก็ไม่มีค่าเกินไปกว่านั้นแล้ว


ภาพประกอบ: kapook.com