เห็นหลายคน อยากได้อยากมี พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ หรือวัตถุมงคล เครื่องลางของขลังต่างๆ นานาไว้ในครอบครอง เพราะเชื่อว่าการมี การได้ครอบครองสิ่งของศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไว้กับตัวเองนั้น จะช่วยให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทรัพย์ มีคนรักนับหน้าถือตา แคล้วคลาดภยันอันตรายทั้งปวง -- จากประสบการณ์ เห็นหลายท่านที่เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่คงมิใช่เป็นผลที่เกิดจากการมีการครอบครอง เพียงอย่างเดียวละมั้ง
และเห็นอีกมากมายหลายคน วิ่งเต้นเสาะหาเสียเหลือเกิน เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุมงคล ครั้นได้มาแล้ว หลายชิ้น หลายขนาน หลายสรรพคุณ ครบถ้วน แต่ทำไมชีวิตมันก็ยังทุกข์ ไม่มีความสุขอยู่ดี ยังต้องวิ่งเต้นเสาะหากันต่อไป เติมสุขไม่เต็มชีวิตเสียที ถึงแม้ว่าบางคน จะมีทรัพย์สมบัติมากมายล้นฟ้า แต่ก็หาได้มีความสุขกับความร่ำรวยนั้นไม่
ความสุขที่แท้ คือการไม่ทุกข์ ไม่ทุกข์ คือว่าง คือไม่มี คือไม่ยึด ... ตราบใดที่ยัง "ตัวกูของกู" อยู่ ตราบนั้นชีวิตก็จะยังคงเวียนว่ายในวังวนของทุกข์อยู่ร่ำไป แน่นอนว่าสำหรับปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปอย่างเราๆ การจะปล่อยวางให้ได้หมด คงเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับคนที่มีความตั้งใจจริง ตื่นรู้ ตระหนักรู้ เมื่อใดที่ใจเกิดทุกข์ ก็รู้ตัวเองได้ว่าเป็นเพราะอะไร นั่นละจะทำให้ทุกข์เบาบางลง
ปุจฉาไว้ เผื่อจะมีใครมาวิสัชนาผมบ้างว่า "คนเราถ้าช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ค่อยได้เข้าวัด ทำบุญ ใส่บาตร แล้วรู้สึกร้อนรน เป็นทุกข์ อย่างกับตัวเองเป็นคนบาป เป็นเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ ทั้งๆ ที่การใช้ชีวิตประจำวัน ก็มิได้ทำผิด คิดร้าย หรือเบียดเบียนใครเลย"
บล็อกนี้เขียนเพราะใจวูบ (จึงเขียนสั้นๆ ไว้เตือนตัวเอง) ก่อนจบ ขออนุญาตกลับมาทิ้งท้ายเรื่องวัตถุมงคลว่า ผมไม่เคยคิดบังอาจไปวิพากย์วิจารณ์เรื่องวัตถุมงคล เพราะเชื่อมั่นว่า สิ่งเหล่านี้เกิดจากเจตนาดีประสงค์ดีแน่ๆ แต่อยากถามแค่ใครบางคน ซึ่งยังพยายามไขว่คว้าหาสุขในชีวิตจากสิ่งเหล่านี้ว่า ... "
มงคลชีวิตของท่านอยู่ที่วัตถุจริงๆ อย่างนั้นหรือ"