
เคยเป็นนักศึกษาวิชาทหาร รักษาดินแดน (ร.ด.) สมัยเรียน ปวช. แต่ไม่ได้ไปชนไก่กับเขาหรอก เพราะว่าเรียน ร.ด. ปี 2 อยู่ถึงสองปี จบ ปวช. ก็ทำงาน ไม่ได้เรียนต่อ แต่รุ่นผมยังโชคดีอยู่นิด ตอน ร.ด. ปีหนึ่ง ได้เรียนที่
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) สมัยยังอยู่ถนนราชดำเนินนอก (บ่งบอกความชราภาพ เพราะว่ามันอดีตกาลนานมาก) -- เรียน ร.ด. ที่ จปร. โชคดีเพราะอะไรเหรอครับ ก็เพราะว่าครูฝึกซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อย ปี 4-5 เทียบกันกับนายทหารในกรมกองอื่นๆ แล้ว ใจดีกว่ากันเยอะ
"นักศึกษา...อย่าเอาความเหนื่อยมาเป็นอารมณ์" -- เป็นประโยคไฮไลต์ที่ผมจำได้แม่นที่สุดจากการเรียน ร.ด. ตอนนั้นไม่คิดอะไร แต่เมื่อวานนี้ ขุดเอาประโยคนี้กลับมาคิด กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพบ ซึ่งบังเอิญเป็นเรื่องเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือทั้งนั้นเลย
[1] หญิงสาววัยเดียวกันกับผม ระหว่างรอรถโดยสารที่ป้ายรถเมล์ กำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถือ ผมไม่รู้หรอกว่าเธอคุยอะไรกับใคร มาได้ยินชัดๆ นิดเดียวว่า
"ถึงบ้านแล้วโทรมาด้วย ได้ยินมั้ย ... ถึงบ้านแล้วโทรมาด้วย ... บอกว่า ถึงบ้านแล้วโทรมาด้วย ไม่ได้ยินหรือยังไง หา"
คลื่นพายุอารมณ์ยักษ์ของเธอ วิ่งผ่านโทรศัพท์มือถือ ส่งออกอากาศไปที่สถานีฐาน (base station) เข้าชุมสาย (exchange) ออกสถานีฐาน ผ่านอากาศ(อีกที) ไปยังโทรศัพท์มือถือปลายทาง เต็มๆ แต่ทำไมเหมือนทางโน้น ไม่ค่อยได้ยินนะ -- สงสัยเป็นเพราะว่า ไปไม่หมดครับพี่น้อง ก็มันกระจายออกสู่ผู้คนรอบข้างแถวๆ ที่เธอยืนอยู่ รวมทั้งผม
[2] เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นของชายร่างเล็กที่ยืนอยู่บนรถเมล์ข้างหลังผมนั่นเอง แต่เขาผู้นั้น ไม่ยอมรับสาย ปล่อยให้มันดังจนหยุดไปเอง แป๊บเดียว มันดังอีกแล้ว คราวนี้ เสียงเพลงเรียกเข้า ดังสั้นๆ แล้วหยุด คงรับแล้วละ เอ๊ะ! แต่ไม่มีเสียงสนทนา แป๊บสอง ดังสั้นๆ แล้วหยุด และไม่มีเสียงสนทนาเช่นเดิม และแป๊บสาม คราวนี้เขารับ "
...เดี๋ยว กูโทรกั๊บ..." -- สุดท้าย แป๊บสี่ "
...มีหยัง ก็บอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวกูโทรกั๊บ..." -- อารมณ์ยักษ์ กระแทกแผ่นหลังผมเบาๆ
[3] ผมกำลังนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่บ้าน น้องสนิทมากคนหนึ่ง ซึ่งเคยทำงานด้วยกัน โทรเข้ามือถือ ขอปรึกษาปัญหาทางเทคนิคเกี่ยวกับงานเล็กน้อย ผบ.ทบ. อยู่ข้างบน ได้ยินน้ำเสียงผม ชวนสงสัยว่าคุยกับใคร ท่าทางสนิทสนม ส่งซิก
ลูกคิดว่า "
พ่อ แอบคุยโทรศัพท์กับสาวๆ อยู่แหนะลูก"
ลูกคิดไม่รอช้า เปิดประตูห้องนอน ออกมายืนค้ำหัวพ่อ (ผมนั่งอยู่ชั้นล่าง) ตะโกนถาม "
พ่อ คุยกับใคร บอกมาซิ คุยกับใคร ... เดี๋ยวจะฟ้องแม่นะ" ได้ยินอย่างนั้นผมเสียความรู้สึกมาก เพราะรู้แล้วว่าแม่เป็นคนบงการให้ลูกออกมา อารมณ์ยักษ์ของผมผุดขึ้นทันที แต่สนองตอบออกไป ด้วยการไม่สนใจ เฉยๆ เหมือนไม่ได้ยิน นั่นกลับทำให้ลูกคิดยิ่งตะโกนเสียงดังขึ้นอีก แถมสั่ง "
หันมาสนใจหนูหน่อยสิพ่อ ไหนบอกมาซิว่า คุยกับใคร ... เดี๋ยวหนูจะฟ้องแม่นะ" -- ผมเดือดข้างใน แต่เก็บไว้สะสางหลังคุยธุระจบซะก่อน
โทรศัพท์จบ ผมสั่งสอนลูกไปซะยกใหญ่ ว่าไม่มีมารยาท พ่อกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ดันมายืนตะโกนรดหัวพ่อปาวๆ ซักไซร้พ่ออยู่ได้ ทำแบบนี้นิสัยไม่ดีเอามากๆ ทำไมพ่อคุยโทรศัพท์กับใครไม่ได้เลยหรือไง -- ไม่ให้เครดิต ไม่มีความน่าเชื่อถือในตัวพ่อเลยซักนิดเลยหรือยังไง ... คือ ผมมีเหตุผลของความรู้สึกที่เสีย แต่ผมไม่สามารถยับยั้งการแสดงออก ซึ่งอารมณ์ยักษ์ได้ (นี่ละที่ยังต้องปรุงแต่งตัวเองอยู่ตลอด)
ระยะนี้ แม้รู้สึกเหนื่อยกับงานมากยังไง แต่ก็ต้องท่องเอาไว้ "
อย่าเอาความเหนื่อยมาเป็นอารมณ์... จั๊ดแถว"
ปุจฉา: "มีใครสามารถนั่งสมาธิ บรรลุธรรมเห็นทางสว่าง อยู่กลางแดดเปรี้ยงๆ เหงื่อไหลท่วมตัวได้บ้างไหมครับ"
ภาพประกอบ:
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า