มีคำถามกลางวงก๋วยเตี๋ยวกลางวันว่า ลูกคิดเคยเป็นอย่างนั้นรึเปล่า เคยเป็นอย่างนี้รึเปล่า เหมือนอย่างลูกของพี่ที่ตั้งคำถามกำลังเป็น (ลูกสาวแกอ่อนกว่าลูกคิด 1 ปี) แน่นอนคำว่า "เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้" คือพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของลูก ซึ่งพ่อแม่ไม่ต้องการให้เป็น หลักๆ ที่เจอกันแทบทุกครอบครัว คือ ลูกมีอาการเกรี้ยวกราด ก้าวร้าว เอาแต่ใจ ดิ้นพลาดๆ ร้องไห้ไม่ยอมหยุด เมื่อโดนขัดใจ อะไรประมาณนี้
"เคย" คือคำตอบ เคยทั้งลูกซึ่งเป็นอาการอย่างที่ว่า เคยทั้งพ่อและแม่ที่เป็นกังวล บางครั้งถึงกับท้อ เพราะทำหลายวิธีแล้ว ลูกก็ไม่หายจากพฤติกรรมไม่พึงประสงค์นั่นซักที คำถามถัดมาก็คือ แล้วที่ผมและภรรยาผ่านมันมาได้แล้วน่ะ ทำอย่างไร
พ่อแม่ส่วนใหญ่ตอบสนองด้วยการลงโทษ เบาบ้าง หนักบ้าง แล้วแต่ความอดทน (วุฒิภาวะทางอารมณ์) ของพ่อแม่ ซึ่งผมฟันธงจากประสบการณ์ตรงว่า การตอบสนองในทางลบแบบนี้ ไม่ได้ผล ถ้าลูกรับรู้ว่าเป็นการลงโทษ เขาต่อต้านแน่ๆ ส่วนจะแสดงออกอย่างไร อาจแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน ถึงแม้ว่าจะลงโทษสถานเบา พ่อแม่พูดจา อธิบายดีๆ ไม่ใช้อารมณ์ก็ตาม โดยเฉพาะในเด็กเล็ก 3-4 ขวบ ยังเข้าใจเรื่องเหตุผลได้ยาก
ตามตำราเขาบอกว่า ลงโทษได้ แต่ให้ใช้วิธีทำเฉย ไม่สนใจ ไม่ต้องอธิบายให้ลูกรู้หรอกว่า นี่คือการทำโทษ ซึ่งวิธีนี้พ่อแม่ต้องจิตใจหนักแน่นอดทนพอสมควร (เช่น ในเวลาที่ลูกกำลังร้องไห้เสียงดังเจ็ดแปดบ้าน หรือเวลาที่ลูกกำลังลงไปดิ้นพลาดๆ อยู่กับพื้น เป็นต้น)
แล้วเมื่อไรที่ลูกทำตัวดี ให้พ่อแม่ตอบสนองในทางบวก ไม่จำเป็นต้องให้ของ แค่คำชมอย่างจริงใจ แสดงให้ลูกรู้ตัวว่า เขากำลังทำตัวน่ารักมาก -- ประมาณว่าให้เรียนรู้ทั้งดีและไม่ดี จากสถานการณ์บวก
ผมเห็นพี่เขาเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะติดนิสัยไม่ดี (ตามความคิดของพ่อแม่) ไปจนแก้ไม่หายนั้น เป็นห่วงพี่เขามากกว่า กลัวจะเครียดจนเกินไป เพราะผมเป็นมาแล้ว เครียดหนักกว่างานหลายร้อยเท่านักแล -- พอผ่านมาแล้วมีคำแนะนำ ส่วนจะทำได้หรือไม่ อยู่ที่แต่ละคนแล้วนะครับ
"ยอมรับ" (หรือจะเรียก "ทำใจ" ก็แล้วแต่) คือคำแนะนำเดียว หลายครั้งหลายหนที่ครอบครัวผมผ่านกันมาได้ บางครั้งก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ใช่ครับ ต้องบอกว่าทำจนหมดมุข ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เหนื่อยมากถึงกับหมดเรี่ยวแรงจะดุด่าว่ากล่าว หรือทำโทษลูก (ออกอาการท้อ) พ่อแม่เฉยลูกเดียว ลูกจะเป็นอะไร จะทำอะไร ก็ปล่อยให้เป็นไป ทำไป เชื่อมั้ยครับ เวลาช่วยได้ ได้ผลดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดด้วย -- นั่นแสดงว่าเด็กเขามีพัฒนาการ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
ถึงตอนนี้ ผมรู้แล้วว่าชีวิตนั้นเป็นของลูกตั้งแต่เกิด เราเองก็เคยเป็นเด็กมาก่อน เรียนผิด คิดผิด ลองผิด ทำผิด มาตั้งมากมาย ทุกวันนี้ตัวเราก็ไม่ได้เป็นคนเลวของสังคมซักหน่อย เรื่องพฤติกรรมไม่พึงประสงค์เหล่านี้ พ่อแม่เพียงแค่เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ระวังว่าอย่าให้มันมากจนเกินไป ก็พอแล้ว อย่าคาดหวังกับลูกไปซะทุกเรื่อง เพราะนั่นคือเรากำลังกดดันลูกโดยไม่รู้ตัว (พ่อแม่รังแกฉัน) มากเข้าๆ ลูกก็เครียด พ่อแม่ก็เครียด บ้านโป่งขึ้นๆ ซักวันบ้านก็แตก
เรื่องการเลี้ยงลูกนั้น หนทางยังอีกยาวไกลนักครับ นี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม ของจริง ของหนัก ยังมาไม่ถึง อนาคตเมื่อลูกน้อยโตขึ้น พ่อแม่ก็แก่ลงทุกวัน เรี่ยวแรง กำลังวังชานั้นสวนทางกัน มีอะไรผิดๆ ให้ลูกเขาลองอีกเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าเน้นใช้กำลัง เราจะเอาที่ไหนไปสู้รบตบมือกับลูกได้
ขออวยพรให้สติและปัญญา จงอยู่กับพ่อแม่ทุกคน จงสนุกและมีความสุขกับการเลี้ยงลูกนะครับ
บทความเกี่ยวข้อง:
No comments:
Post a Comment