Wednesday, May 27, 2009

หลง(ทาง)ธรรม

ระยะเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา สังเกตุเห็นนายหญิงที่บ้านขวนขวาย อ่านหนังสือธรรมะ สวดมนต์ หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต มากมาย โดยเฉพาะธรรมบรรยายของพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี

ไม่วายผมจะคิดเดิมๆ [ไม่ดีเอาซะเลย] -- "เอ้า! ดูกันซิว่า คราวนี้จะไปได้ซักกี่น้ำ นานแค่ไหน..."

เรื่องธรรมะ ผมไม่รู้และไม่เข้าใจมากนัก เพราะไม่เคยศึกษาหรือปฏิบัติอย่างลึกซึ้ง ไหว้พระสวดมนต์ก็ไม่บ่อย แต่คิดว่าวัตถุประสงค์หลักของพุทธศาสนานั้น เพียงต้องการให้ทุกชีวิตอยู่(และจากไป)อย่างสงบ ... หนทางอาจมีมากกว่าหนึ่ง ?

ความเชื่อดั้งเดิม :: สังคมอุดมคติ ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องมีศาสนา

...

สงสัยว่านายหญิงของผม กำลังหลงใหลธรรม ซึ่งตามประสาผมก็ search คำ "หลงใหลธรรม" เช่นเคย เจอและชอบ ขออนุญาตคัดลอกความข้างล่างนี้จากบล็อกสังฆะใจ


ยิ่งศึกษาพระพุทธศาสนา

จะยิ่งไม่รู้พระพุทธศาสนา


เพราะหลงใหลในรสอร่อยของความรู้

หลงใหลในความนึกความคิดของการใช้เหตุผล ตามหลักปรัชญา ตรรกวิทยา

ศึกษาโลก ศึกษาความทุกข์ นั่นจึงจะยิ่งรู้พระพุทธศาสนา

*จากงานเขียนท่านพุทธทาส


เธอหลงธรรม... ส่วนผมน่ะหลงทาง หาธรรมไม่เจอ


ภาพประกอบ: http://scottmcleod.typepad.com

Sunday, May 24, 2009

Seven Pounds

ดู Seven Pounds จบแล้ว เก็บประเด็นของขุนอรรถมาคิด คือคำถาม “ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้หรือ?”

Ben Thomas (Tim) พระเอกของเรื่อง คิดและทำอย่างนั้นเพราะอะไร ... เพราะกลัวบาป รู้สึกผิด ทุกข์ที่ตามหลอกหลอนเขาตลอดเวลา

แต่... คนที่หลอนขนาดนั้น คงไม่มีสติ วางแผนทำอะไรได้อย่างเป็นเรื่องราวขนาดนี้ (Ben Thomas ไม่มีจริง)

แน่นอนว่า สังคมต้องยกย่องสรรเสริญในสิ่งที่ Ben ทำ แต่คงมีไม่น้อยที่ตั้งคำถามว่า "ทำไม" โดยเฉพาะผู้ที่เขาเลือกแล้วทั้งเจ็ดคนนั้น

คำตอบของ "ทำไม" ไม่ใช่ประเด็นสำคัญนัก คำถามหลักกลับน่าจะเป็น "ในโลกแห่งความเป็นจริง จะมีคนทำแบบนี้ได้จริงๆ นะหรือ?" (สติแตก ฆ่าตัวตายไปนานแล้วละ)

โดยส่วนตัว ผมชอบบทบาทการแสดงของ Will Smith ใน The Pursuit of Happyness กว่ากันมาก (ชอบอะไรที่แสดงออกชัดๆ)

Seven Pounds เหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังชีวิต ที่เกี่ยวกับความคิด ความเชื่อ เท่านั้นครับ ... ขอบอก!

ภาพประกอบ: Wikipedia

Saturday, May 23, 2009

Changeling

Changeling - โดยส่วนตัว ผมคิดว่าบท Christine Collins ค่อนข้างเด่นมากถึงมากที่สุด เมื่อเทียบกับบทบาทในหนังหลายๆ เรื่องของ Angelina Jolie เท่าที่เคยดูมาทีเดียว

Changeling อำนวยการสร้างโดย Clint Eastwood นำเรื่องราวจากเหตุการณ์จริง ซึ่งเกิดขึ้นที่ Los Angeles ตั้งแต่มีนาคม 1928 โน่น กระบวนการติดตามค้นหาเด็กชายวัย 9 ขวบ (Walter Collins ลูกของ Christine Collins) ซึ่งหายไปจากบ้าน มันช่างลึกลับซับซ้อน ก็เพราะความมักง่าย หมกเม็ด และอยากเอาหน้าของตำรวจ เท่านั้นเอง

ความเลวร้ายที่ตำรวจบางคน ทำไว้กับประชาชนคนทำมาหากินอย่าง Christine แม้จะมีมานานกว่า 80 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ แม้ในบ้านเมืองเราเอง เหตุการณ์แบบเดียวกัน ยังคงมีให้เห็นอยู่เสมอ ประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ ก็ได้แต่ภาวนาว่า จะเกิดกับใครก็เกิดไปเถอะ แต่อย่าได้มาเกิดกับตัวเองและครอบครัวเลย

ดูหนังไปจนจบ 2 ชั่วโมงเศษ ทำให้ย้อนคิดไปถึงตอนต้นๆ ซึ่ง Walter พูดกับแม่ (Christine) ว่า ที่พ่อของเขาต้องจากไป เพราะว่าความกลัวอย่างนั้นหรือ แล้วท้ายเรื่องก็ได้มีการนำ "ความกลัว" กลับมาชูเป็นประเด็นอีกครั้ง (ผมเชื่อมโยงเอง ส่วนคนทำตั้งใจรึเปล่า ไม่ทราบแน่ชัด)

Changeling เดินเรื่องได้น่าติดตามพอสมควร (คงเพราะว่าสร้างจากเรื่องจริง) แม้ว่าปมจะไม่ถึงกับลึกลับซับซ้อนเท่าไรนัก -- แนะนำครับ ไม่ผิดหวัง


ภาพประกอบ: Wikipedia

Wednesday, May 20, 2009

สุขบนทุกข์

แม้จะเป็นเพียงคำพูดเล่นๆ ในวงเล่า แต่ลึกๆ แล้ว ผมถือมั่นและจริงจังกับสิ่งที่พูดทุกครั้ง

"ไอ้ผมมันเป็นคนที่.. ชอบมีความสุขบนทุกข์ของตัวเอง"

นึกถึงเพลง
อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ


ไม่รู้จักร้อน ก็ไม่รู้จักเย็น ไม่รู้จักหนาว ก็ไม่รู้จักอุ่น ไม่รู้จักฉัน ก็ไม่รู้จักเธอ (อันหลังนี่เกี่ยวเปล่าหว่า)

ทำความรู้จัก คุ้นให้เคย และอยู่ให้สนุกกับความยากลำบาก ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต เศร้าเหงา ตีโพยตีพายบ้าง ก็ให้มันเป็นไป (Let it be) รอวันแค่มันผ่านพ้นไป เราก็จะได้พบในสิ่งตรงกันข้าม ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุด

รู้ไหมครับ แท้ที่จริงแล้ว ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ ทุกข์เดิมๆ มันไม่ได้ห่างหายหรือว่าจากเราไปไหนหรอก แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ ตัวเรานั่นเอง ปรับตัวได้ อยู่กับมันได้ สุขบนทุกข์ได้ ทุกข์นั้นก็ไม่ใช่ทุกข์อีกต่อไป

ชีวิตๆ หนึ่ง เกิดมาเพื่ออะไร ผมไม่ทราบ ทุกวันนี้ ทำเพียงแค่ หาที่เหมาะกับตัวเองให้ได้ แม้ว่าที่ตรงนั้น จะไม่มีใครอยู่กับเราเลยก็ตาม




ภาพประกอบ: ARTgazine

Saturday, May 16, 2009

Our Green Home

แปลกจัง วันนี้อยู่ดีดี ก็มีนกปรอดหัวโขนน่ารักคู่หนึ่ง ตัดสินใจเลือกทำรังสร้างเรือนหอ อยู่บนต้นโมกภายในบ้านทาวเฮ้าส์เล็กๆ ของผม แอบถ่ายคลิปวีดีโอกับภาพนิ่งมาได้นิดหน่อย






ที่เห็นในภาพนั้น เป็นนกตัวผู้ซึ่งกำลังเกาะบนกิ่งลีลาวดี แอ๊คชั่นเหมือนตั้งใจจะให้ถ่ายภาพ ส่วนตัวเมียกำลังเร่งสร้างรังอย่างขยันขันแข็งอยู่ที่กิ่งโมกใกล้ๆ กัน (ตามที่เห็นในคลิป)

Age is Beauty

บังเอิญเจอเว็บไซต์ที่แจกภาพ wallpaper สวยๆ อย่าง InterfaceLIFT ผ่าน twitter เมื่อสองวันก่อน -- ก็เออนะ! เปลี่ยนดีกว่า

หลังจากเลือกอยู่นานก็มาลงตัวที่ Age is Beauty -- ชอบทั้งประโยคที่เขียน และความงามของภาพ ช่างเลือกประโยคได้เข้ากับภาพเป็นอย่างยิ่ง (ห้วงอารมณ์และเวลาเสพศิลป์ของผม ?)




Age is beauty -- ผมว่าความหมายมันก็คงคล้ายๆ กับ Life is beautiful ทำนองนั้น ประโยคเช่นนี้มีความหมายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนวัยประมาณผม (กำลังจะเลี้ยวเข้าหลักสี่)

ทุกประสบการณ์ของชีวิต ไม่ว่าจะสุขล้นพ้นเหลือ หรือทุกข์ยากแสนเข็ญ ล้วนเป็นเรื่องสวยงามทั้งสิ้น เพียงแค่เราผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ และยังคงยืนหยัดอยู่ต่อไป


ภาพประกอบ: InterfaceLIFT

Friday, May 08, 2009

พักผ่อนหย่อนสมอง

ถ้าไม่เหนื่อยก็คงไม่ต้องพัก ถ้าไม่หนักก็คงไม่ต้องผ่อน

ภาพ เสียง และข้อความดีดีแบบนี้ คงจะช่วยใครบางคนที่กำลังเหนื่อยหนักอยู่ได้บ้าง (ผมคนหนึ่งละ) มากน้อยแล้วแต่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงไม่ทำออกมาตั้งมากมายขนาดนี้

ในบางเวลาชีวิตเคยเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว อาจต้องการบทกวี และคำปลอบประโลมบ้างเหมือนกัน




คิดแว้บๆ ว่า น่าจะมีใครทำเป็นภาษาไทยบ้างก็ดีนะ ...

ที่มา: INSPIRATIONAL FLASH MOVIES

Tuesday, May 05, 2009

The Wrestler

"Ram jam! Ram jam! Ram jam! Ram jam!"

เสียงตะโกนเชียร์อย่างกึกก้องของแฟนๆ ผู้คลั่งไคล้กีฬามวยปล้ำ (แม้รู้อยู่เต็มอกว่ามันคือละคร) เรียกชื่อ Randy "The Ram" Robinson ดังต่อเนื่องไม่หยุด

Randy คือสุดยอดนักมวยปล้ำแห่งยุค ตลอดยี่สิบกว่าปีในวงการ เขานั่งอยู่ในหัวใจของผู้ชมมาโดยตลอด ไม่มีใครแกร่งเกินกว่าเขาอีกแล้ว

แต่ใครจะคิดบ้างละว่า บนเวทีมวยปล้ำที่ดูแสนโหดร้าย ทารุณ และป่าเถื่อนขนาดนั้น มันกลับเป็นบ้านที่อบอุ่นที่สุด สำหรับนักมวยปล้ำอย่าง Randy ซึ่งไม่มีที่แม้เพียงเล็กๆ สำหรับเขาเลย บนโลกของความเป็นจริง

สุดยอดดราม่าเรื่องหนึ่งของปี 2008 The Wrestler -- เล่าเรื่องราวชีวิตอันโดดเดี่ยวของ Robin Ramzinski หรือ Randy "The Ram" Robinson นักกีฬามวยปล้ำอาชีพ ซึ่งพยายามจะลืมและทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แม้แต่ลูกสาว เพื่อมาสร้างโลกตามความต้องการของตัวเอง บนเวทีมวยปล้ำ

แต่ทุกสังขารย่อมละไป เป็นธรรมดาของโลก ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ในวันที่ Randy ป่วยเป็นโรคหัวใจ จำเป็นต้องอำลาวงการฯ เขาจึงค้นพบว่า เขายังคงรักและคิดถึง และไม่สามารถลืมลูกสาวคนเดียวของเขาได้เลย จึงตัดสินใจกลับไปหาเธอ

แต่ความเจ็บปวดที่ Randy เคยทำไว้ในอดีต เมื่อครั้งที่ทิ้งลูกให้เดียวดาย กรรมมันย้อนกลับมาสนองตัวเขาอย่างแสนเจ็บปวด เกินจะทนได้ เมื่อไม่มีทางเลือก Randy จำต้องซมซานกลับไปตายอย่างอบอุ่น (รึเปล่า) ในบ้านหลังเดิม บนเวทีมวยปล้ำนั่นเอง

...

Randy 'The Ram' Robinson:
When you live hard and you play hard and burn the candle at both ends... in this life, you can lose everything you love, everything that loves you. A lot of people told me that I'd never wrestle again, they said "he's washed up", "he's finished" , "he's a loser", "he's all through". You know what? The only ones gonna tell me when I'm through doing my thing, is you people here. You people here... you people here. You're my family.

...

ชอบเพลง Trailer หนัง "The Wrestler" ของ Bruce Springsteen มากเลย ...ขอบอก



ภาพประกอบ: Wikipedia

ซ้ายจ๋าหรือขวาจัด

ผ่านตากับฝีดเรื่องสมองซีกซ้าย สมองซีกขวา 2-3 ครั้งในสองสามวันที่ผ่านมา อยากรู้เหมือนกันว่าสมองของตัวเอง เป็นพวกซ้ายจ๋าหรือว่าเป็นพวกขวาจัดกันแน่ เลยหยิบเอาภาพสุดฮิตมาทดสอบดู

เธอหมุนทวนหรือตามเข็มนาฬิกา ?


...


คนเห็นตามเข็มแสดงว่า ใช้สมองซีกขวามากกว่าซีกซ้าย ในทางกลับกัน หากเราเห็นทวนเข็มแสดงว่าเราใช้สมองซีกซ้ายมากกว่าซีกขวา


สำหรับคนที่ใช้สมองซีกซ้ายมากกว่า ... คุณมีแนวโน้มที่จะ ...
  • ตัดสินใจโดยใช้เหตุผล
  • สนใจรายละเอียด
  • อยู่บนพื้นฐานของความจริงมากกว่าการคาดการณ์
  • มีความสามารถในการเลือกใช้ศัพท์และมีความสามารถทางภาษาศาสตร์
  • สนใจในอดีตมากกว่าอนาคต
  • มีความสามารถทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
  • มีความสามารถในการทำความเข้าใจเรื่องที่มีความซับซ้อนได้เร็ว
  • รอบรู้
  • ยอมรับผู้คนหรือเรื่องราวใหม่ๆได้ง่าย
  • มีระเบียบวินัย
  • จดจำชื่อต่างๆได้ดี
  • อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง
  • วางกลยุทธ์ต่างๆได้ดี
  • เน้นผลในทางปฎิบัติ
  • ปลอดภัยไว้ก่อน

สำหรับคนใช้สมองซีกขวามากกว่า ... คุณมีแนวโน้มที่จะ ...
  • ให้ความสำคัญกับอารมณ์และความรู้สึก
  • ตัดสินใจจากภาพรวมมากกว่ารายละเอียด
  • มีจินตนาการสูง
  • มีความสามารถในทางตรรกศาสตร์
  • สนใจอนาคตมากกว่าอดีต
  • สนใจในทางปรัชญาและศาสนา
  • เข้าใจประเด็นที่คนอื่นต้องการสื่อสารได้ดี
  • ลึกซึ้งต่อเรื่องต่างๆ
  • เป็นที่นิยมชมชอบ
  • โยงประเด็นและความเกี่ยวเนื่องของเรื่องราวต่างๆได้ดี
  • ชอบฝันเฟื่อง
  • ประเมินผลกระทบสำหรับทางเลือกต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
  • คึกคะนอง ... หรือในบางกรณีมุทะลุ
  • เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน






ที่มา: โลก ความคิด ชีวิต ความรัก โดยคุณเอสเค
ภาพ The Dual Quad Brain of Mammals: The University of Hawai'i System

Friday, May 01, 2009

Developing Soft Skills #1

บังเอิญอ่านเจอคอลัมน์ใหม่ใน e-Magazine รายสองเดือน "IT Professional" ฉบับ March/April 2009 ของ IEEE Computer Society คอลัมน์นี้ชื่อว่า Developing Soft Skills ผู้เขียนคือ Wushow "Bill" Chou, IT Professional's advisory board

Communication Smart
Found in: IT Professional
By Wushow "Bill" Chou
Issue Date:March 2009
pp. 44-48
This article presents three mantras for being communication smart: making your point in the first five minutes, using the three-diagram paradigm, and resonating with your audience. Being communication smart means you're able to get your audience interested...

โดยเนื้อหาในปฐมบทนั้น พูดถึงเรื่องทักษะการสื่อสาร "Communication Smart" มีเคล็ดลับ (Bill ใช้คำว่า Mantras ภาษาไทยก็ 'มนตรา') อยู่ 3 ข้อด้วยกัน

ผมอ่านเสร็จแล้ว สรุป (ทำเป็น slide) และนำไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในการประชุมหนึ่งของคนไอทีที่ทำงาน

Communication Smart
  1. The first five minutes :: ช่วงหัวๆ ต้องจูงใจแรงๆ ให้โดนเต็มๆ ผู้อ่าน ผู้ฟัง จะได้อยากอยู่กับเราจนจบ
    • Summary/keywords – before leading to details
    • 1-3 min. -- short presentation
    • 5 min. -- long presentation
    • 3 lines -- email
    • 1 page -- long (weekly) report
  2. Three-diagram paradigm :: ภาพหรือแผนผัง แทนคำได้มากมาย รวมทุกอย่างทั้งหมดให้อยู่ภายใน 3 อย่ามากกว่านั้น
    • 1 picture ~ 1,000 words
    • 1 diagram/chart ~ 10,000 words
    • Summarize no more than 3 diagrams/charts
  3. Resonate your audience :: รู้จักท่านผู้อ่าน ผู้ฟัง ผู้รับสาร เลือกคำ วิธีการ ที่เหมาะสมกับผู้ฟังแต่ละกลุ่ม ซึ่งอาจแตกต่างกันไป
    • “knowing your audience” ~ 7,550,000 hits
    • must use our audience's language
    • to make them comfortable
    • to help them understand
    • we want our audience to respond with “that’s right!” to what we say or write.

ผ่าน: Scribd (มีคนใจดี upload ไฟล์ pdf ไว้ในนั้น อยากได้ลองไปหาดูกันเองนะครับ)