ปีนี้เกือบทั้งปี งานและชีวิต เหนื่อยเลยเฉื่อย แรงจูงใจหดหาย แต่ความรับผิดชอบยังคงอยู่
อาจเป็นเพราะย่างเข้าสู่วัยชรา ร่างกายอ่อนล้า จิตใจก็พาลอ่อนแรงตาม ?
...
บ่นให้ฟัง จนเมียเบื่อ หลุดปากออกมาว่า
"ก็พ่อเป็นคนไม่ทะเยอทะยาน ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง เลยทำให้รู้สึกเหนื่อย ลองดู...สิ นั่นตรงกันข้ามกับพ่อเลย เขาทะเยอทะยาน ทำให้กระตือรือร้น ทำงานหนักยังไงก็ไม่รู้สึกเหนื่อย"
เหมือนจะถูกตำหนิ ผมไม่ได้โกรธ เพราะสิ่งที่เมียพูด
เป็นความจริง -- สังคมแห่งทุนเรียกว่า "ใฝ่ต่ำ" รึเปล่า
หรือผมคิดแต่ใฝ่หา
ความสุขราคาถูก
ที่บึงใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีอายุอยู่คู่บ้านคู่เมืองแห่งนั้นมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี
มีตาแก่คนหนึ่ง แต่งชุดดูมอซอ และหน้าตาเปี่ยมด้วยความสุขคนหนึ่ง นั่งตกปลาอยู่ ณ ที่นั่นตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น
ระหว่างที่เขานั่งผิวปากตกปลาอยู่อย่างสบายใจนั้น ก็ได้มีเศรษฐีพอมีอายุคนหนึ่งขับรถเบนซ์มาจอดใกล้ ๆ บริเวณเดียวกับเขา
ชายแก่หันไปมอง ก็ได้เห็นเศรษฐีเดินมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกปลาที่แพงระยิบ พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ ชายแก่ผู้นั้น
เศรษฐีสูงวัยคนดังกล่าวนังจิบเบียร์อย่างสบายใจ ชายแก่หันไปมองแล้วยิ้มให้กับเศรษฐีรายนั้น
เศรษฐีรายนั้นยิ้มตอบกลับอย่างฝืนใจเต็มที อย่างไรก็ตามเขาก็ยังมีแก่ใจเริ่มต้นบทสนทนากับชายแก่ในเวลาต่อมา
"ตกปลามานานหรือยัง ?"
"ทั้งชีวิตครับ"
"เป็นไง รายได้ดีมั้ย" - "มีความสุขมากครับ"
"เฮ้ย ไอ้นี่ อั๊วถามว่ารายได้ดีมั้ย ไม่ใช่มีความสุขมั้ย" - "ขอโทษเถอะครับ ผมตกเบ็ดเพื่อหาปลาครับ ไม่ใช่เพื่อหารายได้"
"บ๊ะ ยังไงกัน แกไม่รู้จักเอาปลาไปขายเอาเงินบ้างหรือ ?" - "เอาไปทำไมครับเงิน"
"อ้าว มีเงินแล้วก็มีความสุขสิวะ" - "ทำไมต้องมีเงินแล้วมีความสุขครับ"
"อ้าว เฮ้ย ชักพูดไม่รู้เรื่องแล้วเรียนหนังสือมาบ้างรึปล่าวน่ะ คนเราเนี่ยนะ ถ้ามีเงินมาก ๆ อยากได้ความสุขยังไง เงินก็เนรมิตให้ได้"
"ผมไม่เห็นต้องรอให้เงินมาเนรมิตเลยครับ"
"หมายความว่าไง" - "ก็ผมมีความสุขกับการตกปลาอยู่ทุกวันแล้ว"
ชายแก่หน้าตาซื่อ ๆ ตอบไปตามความจริง เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป แกจึงยิงคำถามกลับไปบ้าง
"แล้วคุณนน่ะ ไปไงมาไงถึงได้มาตกปลาหละ" - "ผมอยากมีความสุขน่ะสิ ถึงได้มาตกปลาใกล้ ๆ คุณนี่ไง"
"แล้วก่อนหน้านั้น คุณไปอยู่ไหนมา ไปเสียเวลาอยู่ที่ไหน จึงมาตกปลาเอาอายุปูนนี้"
"ผม ก็ทำธุรกิจไง สะสมเงินทองให้มากที่สุด ผมใช้เวลาราว 20 ปี เพื่อที่จะมีเงิน 30-40 ล้านเหมือนทุกวันนี้ ตอนนี้ธุรกิจผมมั่นคงแล้ว ผมก็ให้ลูก ๆ เขาทำกันต่อ ส่วนผม หลังจากนี้ไปก็จะใช้เวลาหาความสุขอย่างเต็มที่ ด้วยการมานั่งตกปลาเงียบ ๆ อย่างที่ผมฝันมานานแสนนานนี่ไง"
"โอ้โฮ แม่เจ้าเว้ย เพื่อที่จะมีความสุขเนี่ย คุณต้องเสียเวลาเก็บเงินเป็นสิบ ๆ ปีเลยหรอ ผมไม่เห็นต้องทำอย่างงั้นเลย วันไหนผมว่าง ผมก็มานั่งตกปลา ไม่เห็นต้องหาเงินเป็นร้อยล้านก่อนเลยถึงจะมาตกปลาอย่างมีความสุข"
"!!!?"
ผมทำงานหาเงินมาตลอด 20 กว่าปี เสี่ยงโชคเป็นบางครั้ง ณ วันนี้ยังมีเงินเก็บไม่ถึงล้านบาท (คงต้องทำต่อไปจนตายละครับ) ชีวิตที่ผ่านมา อาศัยเสพสุขและทุกข์ตามเบี้ยบ้ายรายทางเอา ประสบการณ์จากอดีตบ่อยครั้งถูกสำรอกออกมาเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต ให้ยังคงเดินหน้าต่อไป
จะเรียกว่าใฝ่ต้อย ใฝ่ต่ำ หรือใฝ่อะไรก็ตามเถอะ แต่ผมน่ะใฝ่แบบเดียวกับตาแก่ตกปลาในเรื่องเล่าความสุขราคาถูก (จากหนังสือ
ธรรมะพารวย/
ว.วชิรเมธี ผ่าน
บล็อก iL bLog Di CaLciOoooo...) ที่ยกมาข้างบนนั่นแหละ -- ซึ่งก็ได้แค่ใฝ่ แต่ในความเป็นจริง แทบจะยังทำไม่ได้เลยซักนิดเดียว
...
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าผมใฝ่อะไร แต่มันอยู่ที่ว่าใฝ่แล้วอย่าทำให้ใคร (รวมทั้งตัวเอง) ต้องรู้สึกอึดอัดและเดือดร้อนนั่นต่างหาก