แต่สำหรับบันทึกนี้ เพราะ.... อ่อนไหว วังเวง เหงา เปลี่ยวเปล่า เอกา (เออ เอากะตูสิ หาทางลงแม่กอกาจนได้)
การเดินทางของชีวิต ทุกเรื่องราวมีสิ่งสวยงามและเป็นประโยชน์เสมอ ถ้าจะมองในแง่ดี โศกเศร้าและน้ำตาไม่ได้ให้ความหมายในด้านลบเสมอไป ในความยากลำบากหนักหนาสาหัสขนาดไหน อุโมงค์นั่นจะมืดมิดเพียงใด ถ้าเพียรพยายามสักนิด อยู่กับมันสักพัก แม้ไม่มีแสงสว่างที่ปลายทางให้เห็น สายตาของตัวเราเองก็จะสามารถปรับตัวได้ จากมืดมิดกลายเป็นค่อยๆ มองเห็นอะไรขึ้นเรื่อยๆ ทีละนิดๆ แล้วเราจะอยู่กับมันได้โดยไม่ทุกข์อีกต่อไป
วัฏจักรของคนไม่ว่าเรื่องใดๆ เริ่มต้นด้วยการพบจบด้วยการลาจากเป็นสัจธรรมที่ต้องเข้าใจ และอยู่ชินกับมันให้ได้เป็นปกติ ไม่ทุกข์ไม่สุข และก็จริงอย่างที่หลายคนบอกไว้ ความสวยงามระหว่างเส้นทางนั่นต่างหาก คือสิ่งที่เราควรเสพและสูดมันเข้าไปให้เต็มที่ จะหัวเราะ จะร้องไห้ จะสุข จะเศร้า ก็เอาให้เต็มที่ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ นั่นละคุ้มค่าแล้ว ชีวิต
"...คนเราเกิดมาในโลก แท้จริงแล้วจะมีเพื่อนร่วมทางสักกี่คน ส่วนใหญ่ที่สุดก็เป็นเพียงค นข้างทางของกันและกัน..."
(จากหนังสือ ผ่านพบไม่ผูกพัน - เสกสรรค์ ประเสริฐกุล)
แม้ต้องลงทุนด้วยเวลา แต่ไม่ได้สำคัญที่เวลา อยู่ที่เนื้อหา อยู่ที่เราพิจารณา ใครคือคนข้างทาง และใคร...คือเพื่อนร่วมทาง
ตลอดชีวิตการทำงาน ผมโชคดีมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ มี "หัวหน้า" (ไม่ใช่ "เจ้านาย") ซึ่ง "ให้" เจ้านายมีเยอะครับ แต่หัวหน้ามีเพียงไม่กี่คน ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างจากใจจริงของน้องคนหนึ่ง
ผ่านแล้วไม่ผ่านเลย ผมไม่ยอมให้มันจบด้วยการจาก ทุกจอก ทุกชน ทุกอารมณ์ ทุกถ้อยคำ ผมจะเก็บมันไว้เป็นความประทับใจ และนำมันกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเองเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
เพียงแค่วันนี้ยังมีลมหายใจอยู่ ชีวิตยังต้องเรียนรู้และก้าวเดินต่อไป
...
keep walking